2015-2016 BMW R 1200 GS Adventure รุ่นใหม่นี้ถูกพัฒนาขึ้นมาบนคอนเซ็ปต์ที่ว่า Grand Touring Enduro มีสมรรถนะสูงที่ไม่ว่าจะวิ่งบนสภาพถนนแบบ Off-road, On-road และการวิ่งทางไกล ใช้เครื่องยนต์แบบบ๊อกเซอร์ 2 สูบบนตัวถังแบบ Tubular space frame ใช้เกียร์ 6 สปีด ที่มีระบบขับเคลื่อนแบบเพลา ทำให้ 2015-2016 BMW R 1200 GS Adventure ให้เสถียรภาพการขับขี่ ความปราดเปรียว และความเฉียบคมได้อย่างเหนือชั้น นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบเสริมความปลอดภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรก ABS ที่สามารถเลือกเปิด – ปิดระบบได้ ระบบรักษาเสถียรภาพ ASC Automatic Stability Control เพื่อให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้ในทุกสถานการณ์2015-2016 BMW R 1200 GS Adventure รุ่นใหม่นี้มีระบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แบบ Boxer ที่ให้มาพร้อมกับระบบหล่อเย็นด้วยอากาศและน้ำ เช่นเดียวกับ BMW R 1200 GS โดยใช้เครื่องยนต์ขนาดความจุ 1,170 ซีซี 4 จังหวะ จังหวะ flat twin Boxer พร้อมด้วยระบบ double overhead camshaft และ one balance shaft ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน นอกจากนี้มันยังสามารถให้พละกำลังแรงม้าสูงถึง 110 แรงม้า อัตราการอัดอยู่ที่ 12.0 : 1 ส่วนอัตราแรงบิด 120 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที ถัดมาที่ระบบเชื้อเพลิงก็เป็นแบบ Electronic intake pipe injection โดยมีการควบคุมเครื่องยนต์ด้วย BMS-K+ digital engine management ซึ่งทำงานร่วมกับ electromotive throttle actuator โดยมีระบบไอเสียแบบ 3 ทาง พร้อม catalytic converter ตามมาตรฐาน EU-3
วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
รีวิวducati monster 899
รถบิ๊กไบค์ที่มีความสมบรูณ์มากที่สุดติดอันดับต้นๆ ของโลก บอกเลยว่า คงจะหนีไม่พ้น รถบิ๊กไบค์สัญชาติอิตาลีอย่าง Ducati Panigale 899 (ดูคาติ พานิกาเล่ 899) ใครที่ได้เป็นเจ้าของ บอกเลยว่าสุดๆ จริงๆ เพราะมันพร้อมลุยไปได้ทุกความเร็วบนท้องถนนไม่แพ้ใครในทุกความบ้าคลั่ง ไร้ความกังวลในเรื่องของพละกำลัง อัดแน่มาให้ในทุกพาเวอร์ พร้อมกับเทคโนโลยีพิเศษ เข้ามาเป็นตัวเพิ่มความแรง หนึ่งในสีสันของรถบิ๊กไบค์ ครบครัน ครบทุกฟังก์ชั่นทุกการดีไซน์ได้อย่างสมบรูณ์แบบ
ช่วงล่างและการออกแบบ
ช่วงล่าง Ducati Panigale 899 (ดูคาติ พานิกาเล่ 899) ออกแบบมาได้อย่างแข็งแกร่ง แต่คงไว้ซึ่งความโฉบเฉี่ยวในจุดต่างๆ ได้อย่างลงตัว สมคุ้มค่ากับราคาตัวรถที่สูงพอที่หลายๆ คนคอตัวจริงยอมที่จะทุ่มเงินซื้อมันมาเป็นเจ้าของ ทางค่ายดูคาติได้ทำการติดตั้งระบบต่างๆ มาอย่างเต็มที่ปลอดภัยตามมาตรฐานที่บิ๊กไบค์คันหนึ่งควรจะมี
ช่วงล่าง Ducati Panigale 899 (ดูคาติ พานิกาเล่ 899) ออกแบบมาได้อย่างแข็งแกร่ง แต่คงไว้ซึ่งความโฉบเฉี่ยวในจุดต่างๆ ได้อย่างลงตัว สมคุ้มค่ากับราคาตัวรถที่สูงพอที่หลายๆ คนคอตัวจริงยอมที่จะทุ่มเงินซื้อมันมาเป็นเจ้าของ ทางค่ายดูคาติได้ทำการติดตั้งระบบต่างๆ มาอย่างเต็มที่ปลอดภัยตามมาตรฐานที่บิ๊กไบค์คันหนึ่งควรจะมี
Ducati Panigale 899 (ดูคาติ พานิกาเล่ 899) มีความหรูหรามาในตัว เรียกว่าไร้คำบรรยาย แค่เห็นก็โดนใจ ไม่ว่าจะเป็นตัวเฟรมต่างๆ ที่ออกแบบมาได้ปราดเปรียว พร้อมกับการแบ่งไฟหน้าให้เป็นแบบสองข้างคู่ กระจกกันลมที่ได้องศาที่สวยงาม กระจกมองข้างถูกติดตั้งมาพร้อมกับไฟเลี้ยว เรียกว่าเป็นเทคโนโลยีพิเศษที่ออกแบบมาได้คล้ายคลึงและใส่ใจได้มากเหมือนรถยนต์เลยก็ว่าได้ ทำให้วิสัยทัศน์ในการขับขี่ดีขึ้นอย่างเหนือชั้น
เลื่อนไปที่การออกแบบมาตราวัดความเร็วนั้นจะเน้นความเป็นดิจิตอลเพื่อต้องการให้เข้ากับยุคใหม่ กับคนรุ่นใหม่ที่จะเน้นความเรียบง่ายแต่ทันสมัยและครบครัน มีครบทุกฟังก์ชั่นของการใช้งานจริง สำหรับตัวถุงของเจ้า Ducati Panigale 899 (ดูคาติ พานิกาเล่ 899) มีการออกแบบที่หรูหรา เน้นความเป็นสปอร์ตพร้อมติดสัญลักษณ์แบรนด์ดูคาติที่ตัวถังเพิ่มความล้ำสมัย เบาะนั่งก็จัดวางเข้ากับตัวรถ โค้งมนทันสมัย เบาะหลังก็ครอบตูดมดมาจากโรงงานเลย ตัวเฟรมด้านข้าง ก็มีขนาดใหญ่ได้อารมณ์สปอร์ตมากๆ ดูเบื้องต้นแล้วเรียบๆ ไม่ค่อยจะมีอะไรมากมาย แต่จะเน้นที่ความโฉมเฉี่ยวเล็กๆ ที่ให้ฟีลลิ่งความเป็นสปอร์ตมากกว่าที่เคยนั่นเอง
รีวิวz900
สำหรับ Z900 นั้นเป็นรถในแนวสปอร์ตเนกเกตรุ่นใหญ่ที่มาทำตลาดแทน Z800 เดิมนั่นเอง มีเอกลักษณ์ เน้นความดุดัน (Aggressive) ตามแบบฉบับของรถในตระกูล Z อย่างเต็มตัว สร้างความสะดุดตาให้กับผู้พบเห็นในตอนแรกเป็นอย่างมาก ถ้าเราสังเกตกันดูจะพบว่าตัวรถนั้นใช้แฟร์ริ่งเป็นส่วนประกอบน้อยมากๆ แต่จะเน้นโชว์ความแข็งแกร่งของเครื่องยนต์และโครงสร้างมากกว่า โดยที่เฟรมรถนั้นเป็นแบบเฟรมถักสีเขียวอันเป็นสีประจำของทางค่าย ซึ่งเฟรมนั้นจะมีน้ำหนักค่อนข้างเบาอยู่ที่ 13.5 กก. เท่านั้น แต่ยังคงให้ความแข็งแกร่งสูง ดังนั้นถ้าหากว่าใครที่เคยกังวลกับเรื่องของน้ำหนักตัวในรุ่น Z800 มาก่อน คราวนี้ก็ไม่ต้องกังวลกันแล้ว ในส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้นจะเป็นแบบดิจิตอล แต่ตัววัดรอบจะอ้างอิงกับแบบ Analogue-style อยู๋ เพื่อเน้นอะดรีนาลีนของผู้ขับขี่ให้สูบฉีดมากที่สุด และแน่นอนว่ามันจะมีตำแหน่งเกียร์บอกมาด้วย
มาต่อกันเลยในเรื่องของเครื่องยนต์ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะว่าเจ้า Z900 คันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 948cc ซึ่งถือว่าเซอร์ไพร์สเลยทีเดียว เพราะขนาดเครื่องยนต์นั้นใหญ่กว่าชื่อรุ่น 900 ไปถึง 48cc ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ 4 จังหวะแบบ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว DOHC จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด มีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนว่าจะให้กำลังในการบิดที่ชัดเจนที่สุดตั้งแต่ในย่านความเร็วกลางถึงปลาย แต่การส่งกำลังนั้นจะเน้นความนุ่มนวลมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะสร้างความมั่นใจในการคอนโทรลรถกับผู้ขี่ ตัวท่อรถนั้นเป็นแบบ 4 สูบออก 1 ท่อ ที่มีหัวขนาด 35 mm
ในส่วนของออพชั่นต่างๆ นั้นก็จะมีระบบ Assist & Slipper Clutch ที่จะช่วยให้ล้อหลังไม่สะบัดหรือล็อกเวลาเชนเกียร์ แล้วเอนจิ้นเบรกส่งผลการทำงานในย่านความเร็วสูง ส่วนโช้คอัพด้านหน้านั้นเป็นแบบหัวกลับขนาด 41 mm โดยสามารถปรับระยะยุบตัวและคืนตัว (พรีโหลดแอนด์รีบาวนด์)ได้อย่างละเอีนด ในขณะที่ด้านหลังเป็นโช้คแบบยูนิทลิงค์ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ซึ่งแน่นอนว่าสามารถปรับระยะพรีโหลดได้เช่นกัน สำหรับดิสก์เบรกหน้านั้นเป็นดิสก์คู่ขนาดใหญ่ 300mm ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS ของ Nissin ที่จะสร้างความมั่นใจให้กับการเบรกทุกระยะ (ซึ่ง Z800 เวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในบ้านเราก่อนหน้านี้ไม่มี ABS พอมีแล้วก็น่าจะถูกอกถูกใจเหล่าไบค์เกอร์ทั้งหลายกันไม่น้อยเลยทีเดียว) ส่วนล้อแม็กส์นั้นเป็นแบบ 5 ก้านดีไซน์ใหม่ที่น่าสนใจทีเดียว และที่สำคัญในส่วนของไฟท้ายนั้นจะเป็นแบบ LED รูปทรง “Z” ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนอย่างชัดเจน
ซึ่ง Kawasaki Z900 ที่วางจำหน่ายในบ้านเรานั้นจะแบ่งออกเป็น 2 รุ่นด้วยกันดังนี้
-All New Z900 รุ่น standard จะอยู่ที่ 399,000 บาท
-All New Z900 รุ่น special จะอยู่ที่ 429,000 บาท (รุ่นพิเศษที่มีลวดลายกราฟฟิกและสีพิเศษ พร้อมทั้งอุปกรณ์พิเศษที่ติดตั้งมาอย่าง ฝาครอบเบาะท้ายแบบที่นั่งเดี่ยว, ฝาครอบมาตรวัด, ช่องจ่ายไฟ DC, การ์ดหม้อน้ำ, สไลเดอร์กันล้ม, แหวนกันเครื่อง, กันล้มล้อหน้า, แผ่นกันรอยขีดข่วนถึงน้ำมัน และ แผ่นกันเข่าลื่น)
-All New Z900 รุ่น standard จะอยู่ที่ 399,000 บาท
-All New Z900 รุ่น special จะอยู่ที่ 429,000 บาท (รุ่นพิเศษที่มีลวดลายกราฟฟิกและสีพิเศษ พร้อมทั้งอุปกรณ์พิเศษที่ติดตั้งมาอย่าง ฝาครอบเบาะท้ายแบบที่นั่งเดี่ยว, ฝาครอบมาตรวัด, ช่องจ่ายไฟ DC, การ์ดหม้อน้ำ, สไลเดอร์กันล้ม, แหวนกันเครื่อง, กันล้มล้อหน้า, แผ่นกันรอยขีดข่วนถึงน้ำมัน และ แผ่นกันเข่าลื่น)
รีวิวh2r
สำหรับชุดอัดอากาศ Kawasaki Ninja H2R เป็นชุดที่ได้รับการออกแบบมาใหม่โดยมีขนาดเล็ก และติดตั้งให้เชื่อมต่อในส่วนท้ายของเครื่องยนต์ ภายในได้รับการติดตั้งใบพัดพลังสูงแบบ 6 กลีบขนาด 2.7 นิ้ว ที่หมุนทำงานสูงสุดที่ 140,000 รอบ/ นาที แรงอัดสูงสุดที่ 38.4 Psi. โดยจะส่งผ่านอากาศผ่านท่ออะลูกมิเนียมสู่พอร์ทไอดี 4 ตัวสู่ห้องเครื่อง เรื่องของพละกำลังนั้นแทบจะไม่ต้องพูดถึง ให้จิตนาการราวๆ เครื่องยนต์ของเครื่องบิน 747 (มโนไปเอง) บล็อคเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จนั้น เกิดความร้อนสะสมที่ค่อนข้างสูง ทำให้การออกแบบชิ้นส่วนหรือการเลือกวัสดุจึงต้องมีความพิถีพิถันใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะชิ้นส่วนของวาล์ไอเสีย ที่เปรียบเสมือนชิ้นส่วนสำคัญที่ต้องรับหน้าที่หนักหลังจากการสันดาบของเครื่องยนต์ ในอัตราส่วนของกำลังอัดที่ 8.5:1 วัสดุ สแตนเลส คือ แนวทางรับมือ ซึ่งยังหมายรวมถึงลูกสูบที่ต้องใช้วัสดุคุณภาพที่สูงกว่า ZX-10R ประกับก้านสูบที่ใหญ่กว่าและใช้ชุดแบบริ่งที่ใหญ่กว่าเป็นเงาตามตัว
ความแรงของม้า ที่มีถึง 300 ม้า คือพิกัดของรถแข่งระดับโลก อย่าง MotoGP นี่คือแนวทางการสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นกับเจ้า KawasakiNinja H2R ที่ทำให้ต้องมีชุดเกียร์เหมือนที่อยู่ในรถ GP เข้ามาใช้งาน ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกวางไว้ให้อยู่บนโครงสร้างของตัวเฟรมหลัก ที่ดูแล้วจะเป็นแบบท่อกลมเชื่อมประสานกัน เหตุผลก็เพื่อต้องการรองรับเครื่องยนต์ที่มีแรงม้าสูงๆ ทั้งยังแข็งแรง ทนทานต่อแรงบิดในรอบเครื่องที่สูงจัดๆ ถัดมาในส่วนของช่วงล่าง ได้เชตเป็นของ KYB ซึ่งตัวรกะบอกโช๊คเป็นพาวเดอร์โคทติ้งดำ(DLC-Coated) ขนาด 43 ม.ม. ระบบการทำงานร่วมระหว่าง “ลม” (Air) และ “น้ำมัน” (Oil)กับซัพหลังตัวเดียวที่สามารถปรับตั้งค่าได้ทั้งแรงกดและดันกลับแบบละเอียดมากๆ และก็ยังไม่ได้ลืมที่จะพ่วงด้วยกันสะบัดหนืดๆ ของ Ohlins เหนือแผงคอบน ที่วางอยู่บนมุมของโช้คหน้า KawasakiNinja H2R โดยถังน้ำมันให้ความจุของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 17 ลิตร เบรกเลือกใช้ของ Brembo คาลิปเปอร์คู่เรเดียลเม้าท์ 4 พอท (ลูกสูบขนาด 30 ม.ม.) กับโรเตอร์จานเหล็กขนาด 330 ม.ม. ส่วนด้านหลังเลือกใช้เป็นแบบเดี่ยที่ลดขนาดจานลงมาเหลือที่ 250 มม. ล้อก็ออกแบบได้สวยงามลงตัวกับลายแปลกๆ ตา ที่เลือกใช้เป็นล้ออะลูมิเนียมรูปดาวแบบ 5 ก้านสีดำ ที่ขัดจนเงาให้เห็นเป็นเส้นสายที่ตัดกัน รัดด้วยยางสลิค (หน้า) ขนาด ล้อหน้า: 120/60R17 Bridgestone V01 slick
ล้อหลัง: 190/65R17 Bridgestone V01 slick ของ Bridgestone (สำหรับในตัวขาย H2 นั้นจะเป็นยาง Battlax RS10SG)
ความแรงของม้า ที่มีถึง 300 ม้า คือพิกัดของรถแข่งระดับโลก อย่าง MotoGP นี่คือแนวทางการสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นกับเจ้า KawasakiNinja H2R ที่ทำให้ต้องมีชุดเกียร์เหมือนที่อยู่ในรถ GP เข้ามาใช้งาน ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกวางไว้ให้อยู่บนโครงสร้างของตัวเฟรมหลัก ที่ดูแล้วจะเป็นแบบท่อกลมเชื่อมประสานกัน เหตุผลก็เพื่อต้องการรองรับเครื่องยนต์ที่มีแรงม้าสูงๆ ทั้งยังแข็งแรง ทนทานต่อแรงบิดในรอบเครื่องที่สูงจัดๆ ถัดมาในส่วนของช่วงล่าง ได้เชตเป็นของ KYB ซึ่งตัวรกะบอกโช๊คเป็นพาวเดอร์โคทติ้งดำ(DLC-Coated) ขนาด 43 ม.ม. ระบบการทำงานร่วมระหว่าง “ลม” (Air) และ “น้ำมัน” (Oil)กับซัพหลังตัวเดียวที่สามารถปรับตั้งค่าได้ทั้งแรงกดและดันกลับแบบละเอียดมากๆ และก็ยังไม่ได้ลืมที่จะพ่วงด้วยกันสะบัดหนืดๆ ของ Ohlins เหนือแผงคอบน ที่วางอยู่บนมุมของโช้คหน้า KawasakiNinja H2R โดยถังน้ำมันให้ความจุของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 17 ลิตร เบรกเลือกใช้ของ Brembo คาลิปเปอร์คู่เรเดียลเม้าท์ 4 พอท (ลูกสูบขนาด 30 ม.ม.) กับโรเตอร์จานเหล็กขนาด 330 ม.ม. ส่วนด้านหลังเลือกใช้เป็นแบบเดี่ยที่ลดขนาดจานลงมาเหลือที่ 250 มม. ล้อก็ออกแบบได้สวยงามลงตัวกับลายแปลกๆ ตา ที่เลือกใช้เป็นล้ออะลูมิเนียมรูปดาวแบบ 5 ก้านสีดำ ที่ขัดจนเงาให้เห็นเป็นเส้นสายที่ตัดกัน รัดด้วยยางสลิค (หน้า) ขนาด ล้อหน้า: 120/60R17 Bridgestone V01 slick
ล้อหลัง: 190/65R17 Bridgestone V01 slick ของ Bridgestone (สำหรับในตัวขาย H2 นั้นจะเป็นยาง Battlax RS10SG)
รีวิว สแมส110
รุ่น | FW110-L | FW110S-L | FW110SD-L |
กว้าง x ยาว x สูง | 655 x 1,930 x 1,040 มม. | ||
น้ำหนักรวม | 96 กก. | 97 กก. | 99 กก. |
แบบ | 4 จังหวะ, Single Overhead Camshaft | ||
ระบบระบายความร้อน | ระบายความร้อนด้วยอากาศ | ||
ความกว้างกระบอกสูบxช่วงชัก | 51.0 x 55.2 มม. | ||
ปริมาตรกระบอกสูบ | 113 ซีซี | ||
ระบบจุดระเบิด | DC-CDI | ||
อัตราส่วนแรงอัด | 9.5 : 1 | ||
คาร์บูเตอร์ | MIKUNI BS22 | ||
ระบบสตาร์ท | สตาร์ทเท้า | สตาร์ทเท้า/ไฟฟ้า | |
ระบบหล่อลื่น | SALCS (Suzuki Advanced Lubrication & Cooling System) | ||
คลัตซ์ | SAPECS (Suzuki Advanced Power Engagement Clutch System) | ||
ระบบเกียร์ | เกียร์รวน 4 ระดับ | ||
ความยาวช่วงล้อ | 1,230 มม. | ||
ความสูงเบาะนั่ง | 750 มม. | ||
ระยะห่างจากพื้น | 130 มม. | ||
มุมคาสเตอร์ / ระยะเทรล | 27′ / 68 มม. | ||
ระบบกันสะเทือน หน้า | โช้คอัพแบบเทเลสโคปิคพร้อม Coil Spring และ Oil Damper | ||
ระบบกันสะเทือน หลัง | โช้คอัพแบบสวิงอาร์มร่วมกับ Coil Spring | ||
เบรก หน้า | ดรัมเบรก | ดิสก์เบรก | |
เบรก หลัง | ดรัมเบรก | ||
ขนาดยาง หน้า | 60/100 – 17 M/C 43P | ||
ขนาดยาง หลัง | 70/90 – 17 M/C 43P | ||
แบบวงล้อ | วงล้อแบบซี่ลวด | ||
น้ำมันเชื้อเพลิง | น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วหรือแก๊สโซฮอล์ ค่าออกเทน 91 ขึ้นไป | ||
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง | 4.3 ลิตร |
COLORS สี SUZUKI Smash
SUZUKI Smash มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ 1. สีน้ำเงิน 2. สีขาว 3. สีแดง 4. สีดำ 5. สีชมพู
ดรัมเบรก / สตาร์ทเท้า
SUZUKI Smash สีน้ำเงิน
SUZUKI Smash สีขาว
SUZUKI Smash สีแดง
SUZUKI Smash สีดำ
SUZUKI Smash สีชมพู
*เฉพาะรุ่น ดิสก์เบรก / สตาร์ทเท้า, สตาร์ทไฟฟ้า
รีวิว Kr150
ตระกูล KR 150
KR-150 R รุ่นแรก (1989)
รายละเอียด
ล้อซี่ลวด ดิสก์หน้าอยู่ฝั่งซ้าย กระบอกโช๊คหน้า ขนาด 33 มม.
จานดิสก์หน้ากว้าง 26 ซม. มีรูยึดน็อต 6 รู
ยางหน้า 90/80-17 ยางหลัง 100/80-18
กระทะล้อหน้ากว้าง 1.6x17 นิ้ว กระทะล้อหลังกว้าง 1.85x18 นิ้ว
กระจกมองหลังติดอยู่กับแฮนด์ ไฟเลี้ยวหน้าหลังสีส้ม
คาร์บูเรเตอร์ Keihin PWK 28 ( K เหลี่ยม )
ฝาครอบเครื่องสีเทาเป็นรูปใบพัด(แต่ด้านในสีเงิน)
เสื้อสูบสีเทา พร้อมระบบ ลิ้นไอเสีย Kips 33 แรงม้า
ปลายท่อสมารถถอดฝาตรงปลายออกได้
สเตอร์หน้า 15 ฟัน หลัง 42 ฟัน โซ่เบอร์ 428 โซ่ยาว 124 ข้อ
เป็นรุ่นเดียวที่มีสติกเกอร์ Cradle BOX Frame โครงจากญี่ปุ่น(ที่คอรถจะมีสลักไว้ว่า Made in Japan)
ที่สวิตช์กุญแจจะมี P (Lock Park) อยู่ หลังตำแหน่งล็อกคอรถ (ถ้าเราบิดกุญแจไปตรงนี้จะทำให้ไฟเบรครถเราติด สำหรับกันรถหลังพุ่งมาชนตอนเราจอดข้างทางช่วงกลางคืน)
ดิสก์เบรคหลันสูบเดี่ยวงเป็
เรือนไมล์เป็นแบบนี้ 0-220 Km.
ช่วงคอขวดก่อนถึงปลายท่อเป็นแบบนี้
ที่เห็นชัดๆทราบเพียงเท่านี้ครับ
KR-150 SP TURBOMAG [B1] (1991)
รายละเอียดที่ปรับเปลี่ยน
ล้อเปลี่ยนจากซี่ลวดเป็น ล้อแม็คสีขาว แต่ถ้ารุ่นสีดำจะเป็นล้อสีแดง ติดคำว่า TURBOMAG ตรงล้อ
ดิสก์หน้าหลังเปลี่ยนเป็น ลายกงจักร มีคำว่า TURBOMAG ติดอยู่ตรงไฟเลี้ยวหน้า กระจกมองข้างเปลี่ยนใหม่ย้ายมาติดตรงหน้ากากรถ
จานดิสก์หน้ากว้าง 260 มม. รูยึดน็อตลดลงเหลือ 5 รู
กระทะล้อหน้ากว้าง 1.6x17 นิ้ว กระทะล้อหลังกว้าง 1.85x18 นิ้ว เท่าเดิม
เพิ่มแรงม้า จาก 33 เป็น 34 แรงม้า
ดิสก์หลังเพิ่มเป็นลูกสูบคู่ ช่วงแรก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)