วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

รีวิว BMW R 1200 GS Adventure

2015-2016 BMW R 1200 GS Adventure รุ่นใหม่นี้ถูกพัฒนาขึ้นมาบนคอนเซ็ปต์ที่ว่า Grand Touring Enduro มีสมรรถนะสูงที่ไม่ว่าจะวิ่งบนสภาพถนนแบบ Off-road, On-road และการวิ่งทางไกล ใช้เครื่องยนต์แบบบ๊อกเซอร์ 2 สูบบนตัวถังแบบ Tubular space frame ใช้เกียร์ 6 สปีด ที่มีระบบขับเคลื่อนแบบเพลา ทำให้ 2015-2016 BMW R 1200 GS Adventure ให้เสถียรภาพการขับขี่  ความปราดเปรียว และความเฉียบคมได้อย่างเหนือชั้น นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบเสริมความปลอดภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรก ABS ที่สามารถเลือกเปิด – ปิดระบบได้ ระบบรักษาเสถียรภาพ ASC Automatic Stability Control เพื่อให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้ในทุกสถานการณ์2015-2016 BMW R 1200 GS Adventure รุ่นใหม่นี้มีระบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แบบ Boxer ที่ให้มาพร้อมกับระบบหล่อเย็นด้วยอากาศและน้ำ เช่นเดียวกับ BMW R 1200 GS โดยใช้เครื่องยนต์ขนาดความจุ 1,170 ซีซี 4 จังหวะ จังหวะ flat twin Boxer พร้อมด้วยระบบ double overhead camshaft และ one balance shaft ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน นอกจากนี้มันยังสามารถให้พละกำลังแรงม้าสูงถึง 110 แรงม้า อัตราการอัดอยู่ที่ 12.0 : 1 ส่วนอัตราแรงบิด 120 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที ถัดมาที่ระบบเชื้อเพลิงก็เป็นแบบ Electronic intake pipe injection โดยมีการควบคุมเครื่องยนต์ด้วย BMS-K+ digital engine management ซึ่งทำงานร่วมกับ electromotive throttle actuator โดยมีระบบไอเสียแบบ 3 ทาง พร้อม catalytic converter ตามมาตรฐาน EU-3

รีวิวducati monster 899

รถบิ๊กไบค์ที่มีความสมบรูณ์มากที่สุดติดอันดับต้นๆ ของโลก บอกเลยว่า คงจะหนีไม่พ้น รถบิ๊กไบค์สัญชาติอิตาลีอย่าง Ducati Panigale 899 (ดูคาติ พานิกาเล่ 899)  ใครที่ได้เป็นเจ้าของ บอกเลยว่าสุดๆ จริงๆ เพราะมันพร้อมลุยไปได้ทุกความเร็วบนท้องถนนไม่แพ้ใครในทุกความบ้าคลั่ง  ไร้ความกังวลในเรื่องของพละกำลัง อัดแน่มาให้ในทุกพาเวอร์  พร้อมกับเทคโนโลยีพิเศษ  เข้ามาเป็นตัวเพิ่มความแรง  หนึ่งในสีสันของรถบิ๊กไบค์  ครบครัน ครบทุกฟังก์ชั่นทุกการดีไซน์ได้อย่างสมบรูณ์แบบ

ช่วงล่างและการออกแบบ
ช่วงล่าง Ducati Panigale 899 (ดูคาติ พานิกาเล่ 899) ออกแบบมาได้อย่างแข็งแกร่ง  แต่คงไว้ซึ่งความโฉบเฉี่ยวในจุดต่างๆ ได้อย่างลงตัว สมคุ้มค่ากับราคาตัวรถที่สูงพอที่หลายๆ คนคอตัวจริงยอมที่จะทุ่มเงินซื้อมันมาเป็นเจ้าของ  ทางค่ายดูคาติได้ทำการติดตั้งระบบต่างๆ มาอย่างเต็มที่ปลอดภัยตามมาตรฐานที่บิ๊กไบค์คันหนึ่งควรจะมี
Ducati Panigale 899 (ดูคาติ พานิกาเล่ 899) มีความหรูหรามาในตัว เรียกว่าไร้คำบรรยาย แค่เห็นก็โดนใจ  ไม่ว่าจะเป็นตัวเฟรมต่างๆ ที่ออกแบบมาได้ปราดเปรียว  พร้อมกับการแบ่งไฟหน้าให้เป็นแบบสองข้างคู่ กระจกกันลมที่ได้องศาที่สวยงาม  กระจกมองข้างถูกติดตั้งมาพร้อมกับไฟเลี้ยว  เรียกว่าเป็นเทคโนโลยีพิเศษที่ออกแบบมาได้คล้ายคลึงและใส่ใจได้มากเหมือนรถยนต์เลยก็ว่าได้ ทำให้วิสัยทัศน์ในการขับขี่ดีขึ้นอย่างเหนือชั้น

เลื่อนไปที่การออกแบบมาตราวัดความเร็วนั้นจะเน้นความเป็นดิจิตอลเพื่อต้องการให้เข้ากับยุคใหม่ กับคนรุ่นใหม่ที่จะเน้นความเรียบง่ายแต่ทันสมัยและครบครัน มีครบทุกฟังก์ชั่นของการใช้งานจริง  สำหรับตัวถุงของเจ้า Ducati Panigale 899 (ดูคาติ พานิกาเล่ 899) มีการออกแบบที่หรูหรา เน้นความเป็นสปอร์ตพร้อมติดสัญลักษณ์แบรนด์ดูคาติที่ตัวถังเพิ่มความล้ำสมัย  เบาะนั่งก็จัดวางเข้ากับตัวรถ โค้งมนทันสมัย  เบาะหลังก็ครอบตูดมดมาจากโรงงานเลย  ตัวเฟรมด้านข้าง  ก็มีขนาดใหญ่ได้อารมณ์สปอร์ตมากๆ ดูเบื้องต้นแล้วเรียบๆ ไม่ค่อยจะมีอะไรมากมาย แต่จะเน้นที่ความโฉมเฉี่ยวเล็กๆ ที่ให้ฟีลลิ่งความเป็นสปอร์ตมากกว่าที่เคยนั่นเอง

รีวิวz900

สำหรับ Z900 นั้นเป็นรถในแนวสปอร์ตเนกเกตรุ่นใหญ่ที่มาทำตลาดแทน Z800 เดิมนั่นเอง มีเอกลักษณ์ เน้นความดุดัน (Aggressive) ตามแบบฉบับของรถในตระกูล Z อย่างเต็มตัว สร้างความสะดุดตาให้กับผู้พบเห็นในตอนแรกเป็นอย่างมาก ถ้าเราสังเกตกันดูจะพบว่าตัวรถนั้นใช้แฟร์ริ่งเป็นส่วนประกอบน้อยมากๆ แต่จะเน้นโชว์ความแข็งแกร่งของเครื่องยนต์และโครงสร้างมากกว่า โดยที่เฟรมรถนั้นเป็นแบบเฟรมถักสีเขียวอันเป็นสีประจำของทางค่าย ซึ่งเฟรมนั้นจะมีน้ำหนักค่อนข้างเบาอยู่ที่ 13.5 กก. เท่านั้น แต่ยังคงให้ความแข็งแกร่งสูง ดังนั้นถ้าหากว่าใครที่เคยกังวลกับเรื่องของน้ำหนักตัวในรุ่น Z800 มาก่อน คราวนี้ก็ไม่ต้องกังวลกันแล้ว ในส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้นจะเป็นแบบดิจิตอล แต่ตัววัดรอบจะอ้างอิงกับแบบ Analogue-style อยู๋ เพื่อเน้นอะดรีนาลีนของผู้ขับขี่ให้สูบฉีดมากที่สุด และแน่นอนว่ามันจะมีตำแหน่งเกียร์บอกมาด้วย
http://i1.wp.com/tmcblog.com/wp-content/uploads/2016/11/kawasaki-2017-z900-14.jpg
http://i0.wp.com/tmcblog.com/wp-content/uploads/2016/11/kawasaki-2017-z900-17.jpg
มาต่อกันเลยในเรื่องของเครื่องยนต์ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะว่าเจ้า Z900 คันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 948cc ซึ่งถือว่าเซอร์ไพร์สเลยทีเดียว เพราะขนาดเครื่องยนต์นั้นใหญ่กว่าชื่อรุ่น 900 ไปถึง 48cc ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ 4 จังหวะแบบ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว DOHC จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด มีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนว่าจะให้กำลังในการบิดที่ชัดเจนที่สุดตั้งแต่ในย่านความเร็วกลางถึงปลาย แต่การส่งกำลังนั้นจะเน้นความนุ่มนวลมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะสร้างความมั่นใจในการคอนโทรลรถกับผู้ขี่ ตัวท่อรถนั้นเป็นแบบ 4 สูบออก 1 ท่อ ที่มีหัวขนาด 35 mm

http://i0.wp.com/tmcblog.com/wp-content/uploads/2016/11/kawasaki-2017-z900-18a.jpg
ในส่วนของออพชั่นต่างๆ นั้นก็จะมีระบบ Assist & Slipper Clutch ที่จะช่วยให้ล้อหลังไม่สะบัดหรือล็อกเวลาเชนเกียร์ แล้วเอนจิ้นเบรกส่งผลการทำงานในย่านความเร็วสูง ส่วนโช้คอัพด้านหน้านั้นเป็นแบบหัวกลับขนาด 41 mm โดยสามารถปรับระยะยุบตัวและคืนตัว (พรีโหลดแอนด์รีบาวนด์)ได้อย่างละเอีนด ในขณะที่ด้านหลังเป็นโช้คแบบยูนิทลิงค์ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ซึ่งแน่นอนว่าสามารถปรับระยะพรีโหลดได้เช่นกัน สำหรับดิสก์เบรกหน้านั้นเป็นดิสก์คู่ขนาดใหญ่ 300mm ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS ของ Nissin ที่จะสร้างความมั่นใจให้กับการเบรกทุกระยะ (ซึ่ง Z800 เวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในบ้านเราก่อนหน้านี้ไม่มี ABS พอมีแล้วก็น่าจะถูกอกถูกใจเหล่าไบค์เกอร์ทั้งหลายกันไม่น้อยเลยทีเดียว) ส่วนล้อแม็กส์นั้นเป็นแบบ 5 ก้านดีไซน์ใหม่ที่น่าสนใจทีเดียว และที่สำคัญในส่วนของไฟท้ายนั้นจะเป็นแบบ LED รูปทรง “Z” ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนอย่างชัดเจน
http://i0.wp.com/tmcblog.com/wp-content/uploads/2016/11/kawasaki-2017-z900-21.jpg

ซึ่ง Kawasaki Z900 ที่วางจำหน่ายในบ้านเรานั้นจะแบ่งออกเป็น 2 รุ่นด้วยกันดังนี้
-All New Z900 รุ่น standard จะอยู่ที่ 399,000 บาท
-All New Z900 รุ่น special จะอยู่ที่ 429,000 บาท (รุ่นพิเศษที่มีลวดลายกราฟฟิกและสีพิเศษ พร้อมทั้งอุปกรณ์พิเศษที่ติดตั้งมาอย่าง ฝาครอบเบาะท้ายแบบที่นั่งเดี่ยว, ฝาครอบมาตรวัด, ช่องจ่ายไฟ DC, การ์ดหม้อน้ำ, สไลเดอร์กันล้ม, แหวนกันเครื่อง, กันล้มล้อหน้า, แผ่นกันรอยขีดข่วนถึงน้ำมัน และ แผ่นกันเข่าลื่น)

รีวิวh2r

สำหรับชุดอัดอากาศ  Kawasaki Ninja H2R เป็นชุดที่ได้รับการออกแบบมาใหม่โดยมีขนาดเล็ก และติดตั้งให้เชื่อมต่อในส่วนท้ายของเครื่องยนต์  ภายในได้รับการติดตั้งใบพัดพลังสูงแบบ 6 กลีบขนาด 2.7 นิ้ว ที่หมุนทำงานสูงสุดที่ 140,000 รอบ/ นาที แรงอัดสูงสุดที่ 38.4 Psi. โดยจะส่งผ่านอากาศผ่านท่ออะลูกมิเนียมสู่พอร์ทไอดี 4 ตัวสู่ห้องเครื่อง  เรื่องของพละกำลังนั้นแทบจะไม่ต้องพูดถึง ให้จิตนาการราวๆ เครื่องยนต์ของเครื่องบิน 747 (มโนไปเอง)  บล็อคเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จนั้น เกิดความร้อนสะสมที่ค่อนข้างสูง ทำให้การออกแบบชิ้นส่วนหรือการเลือกวัสดุจึงต้องมีความพิถีพิถันใส่ใจเป็นพิเศษ  โดยเฉพาะชิ้นส่วนของวาล์ไอเสีย  ที่เปรียบเสมือนชิ้นส่วนสำคัญที่ต้องรับหน้าที่หนักหลังจากการสันดาบของเครื่องยนต์ ในอัตราส่วนของกำลังอัดที่ 8.5:1 วัสดุ สแตนเลส คือ แนวทางรับมือ ซึ่งยังหมายรวมถึงลูกสูบที่ต้องใช้วัสดุคุณภาพที่สูงกว่า ZX-10R ประกับก้านสูบที่ใหญ่กว่าและใช้ชุดแบบริ่งที่ใหญ่กว่าเป็นเงาตามตัว
ความแรงของม้า ที่มีถึง 300 ม้า คือพิกัดของรถแข่งระดับโลก อย่าง MotoGP นี่คือแนวทางการสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นกับเจ้า KawasakiNinja H2R ที่ทำให้ต้องมีชุดเกียร์เหมือนที่อยู่ในรถ GP เข้ามาใช้งาน ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกวางไว้ให้อยู่บนโครงสร้างของตัวเฟรมหลัก ที่ดูแล้วจะเป็นแบบท่อกลมเชื่อมประสานกัน เหตุผลก็เพื่อต้องการรองรับเครื่องยนต์ที่มีแรงม้าสูงๆ ทั้งยังแข็งแรง ทนทานต่อแรงบิดในรอบเครื่องที่สูงจัดๆ  ถัดมาในส่วนของช่วงล่าง ได้เชตเป็นของ KYB ซึ่งตัวรกะบอกโช๊คเป็นพาวเดอร์โคทติ้งดำ(DLC-Coated) ขนาด 43 ม.ม. ระบบการทำงานร่วมระหว่าง “ลม” (Air) และ “น้ำมัน” (Oil)กับซัพหลังตัวเดียวที่สามารถปรับตั้งค่าได้ทั้งแรงกดและดันกลับแบบละเอียดมากๆ และก็ยังไม่ได้ลืมที่จะพ่วงด้วยกันสะบัดหนืดๆ ของ Ohlins เหนือแผงคอบน ที่วางอยู่บนมุมของโช้คหน้า KawasakiNinja H2R โดยถังน้ำมันให้ความจุของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 17 ลิตร เบรกเลือกใช้ของ Brembo คาลิปเปอร์คู่เรเดียลเม้าท์ 4 พอท (ลูกสูบขนาด 30 ม.ม.) กับโรเตอร์จานเหล็กขนาด 330 ม.ม. ส่วนด้านหลังเลือกใช้เป็นแบบเดี่ยที่ลดขนาดจานลงมาเหลือที่ 250 มม. ล้อก็ออกแบบได้สวยงามลงตัวกับลายแปลกๆ ตา ที่เลือกใช้เป็นล้ออะลูมิเนียมรูปดาวแบบ 5 ก้านสีดำ ที่ขัดจนเงาให้เห็นเป็นเส้นสายที่ตัดกัน รัดด้วยยางสลิค  (หน้า) ขนาด ล้อหน้า: 120/60R17 Bridgestone V01 slick
ล้อหลัง: 190/65R17 Bridgestone V01 slick ของ Bridgestone (สำหรับในตัวขาย H2 นั้นจะเป็นยาง Battlax RS10SG)

รีวิว สแมส110


รุ่นFW110-LFW110S-LFW110SD-L
กว้าง x ยาว x สูง655 x 1,930 x 1,040 มม.
น้ำหนักรวม96 กก.97 กก.99 กก.
แบบ4 จังหวะ, Single Overhead Camshaft
ระบบระบายความร้อนระบายความร้อนด้วยอากาศ
ความกว้างกระบอกสูบxช่วงชัก51.0 x 55.2 มม.
ปริมาตรกระบอกสูบ113 ซีซี
ระบบจุดระเบิดDC-CDI
อัตราส่วนแรงอัด9.5 : 1
คาร์บูเตอร์MIKUNI BS22
ระบบสตาร์ทสตาร์ทเท้าสตาร์ทเท้า/ไฟฟ้า
ระบบหล่อลื่นSALCS (Suzuki Advanced Lubrication & Cooling System)
คลัตซ์SAPECS (Suzuki Advanced Power Engagement Clutch System)
ระบบเกียร์เกียร์รวน 4 ระดับ
ความยาวช่วงล้อ1,230 มม.
ความสูงเบาะนั่ง750 มม.
ระยะห่างจากพื้น130 มม.
มุมคาสเตอร์ / ระยะเทรล27′ / 68 มม.
ระบบกันสะเทือน หน้าโช้คอัพแบบเทเลสโคปิคพร้อม Coil Spring และ Oil Damper
ระบบกันสะเทือน หลังโช้คอัพแบบสวิงอาร์มร่วมกับ Coil Spring
เบรก หน้าดรัมเบรกดิสก์เบรก
เบรก หลังดรัมเบรก
ขนาดยาง หน้า60/100 – 17 M/C 43P
ขนาดยาง หลัง70/90 – 17 M/C 43P
แบบวงล้อวงล้อแบบซี่ลวด
น้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วหรือแก๊สโซฮอล์ ค่าออกเทน 91 ขึ้นไป
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง4.3 ลิตร
COLORS สี SUZUKI Smash
SUZUKI Smash มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ 1. สีน้ำเงิน 2. สีขาว 3. สีแดง 4. สีดำ 5. สีชมพู
ดรัมเบรก / สตาร์ทเท้า
SUZUKI Smash สีน้ำเงิน
SUZUKI Smash สีขาว
SUZUKI Smash สีแดง
SUZUKI Smash สีดำ
SUZUKI Smash สีชมพู
*เฉพาะรุ่น ดิสก์เบรก / สตาร์ทเท้า, สตาร์ทไฟฟ้า

รีวิว Kr150



ตระกูล KR 150

KR-150 R รุ่นแรก (1989) 

รายละเอียด
ล้อซี่ลวด ดิสก์หน้าอยู่ฝั่งซ้าย กระบอกโช๊คหน้า ขนาด 33 มม. 
จานดิสก์หน้ากว้าง 26 ซม. มีรูยึดน็อต 6 รู
ยางหน้า 90/80-17 ยางหลัง 100/80-18 
กระทะล้อหน้ากว้าง 1.6x17 นิ้ว กระทะล้อหลังกว้าง 1.85x18 นิ้ว
กระจกมองหลังติดอยู่กับแฮนด์ ไฟเลี้ยวหน้าหลังสีส้ม
คาร์บูเรเตอร์ Keihin PWK 28 ( K เหลี่ยม )
ฝาครอบเครื่องสีเทาเป็นรูปใบพัด(แต่ด้านในสีเงิน)
เสื้อสูบสีเทา พร้อมระบบ ลิ้นไอเสีย Kips 33 แรงม้า
ปลายท่อสมารถถอดฝาตรงปลายออกได้
สเตอร์หน้า 15 ฟัน หลัง 42 ฟัน โซ่เบอร์ 428 โซ่ยาว 124 ข้อ
เป็นรุ่นเดียวที่มีสติกเกอร์ Cradle BOX Frame โครงจากญี่ปุ่น(ที่คอรถจะมีสลักไว้ว่า Made in Japan)
ที่สวิตช์กุญแจจะมี P (Lock Park) อยู่ หลังตำแหน่งล็อกคอรถ (ถ้าเราบิดกุญแจไปตรงนี้จะทำให้ไฟเบรครถเราติด สำหรับกันรถหลังพุ่งมาชนตอนเราจอดข้างทางช่วงกลางคืน)

ดิสก์เบรคหลันสูบเดี่ยวงเป็ 
เรือนไมล์เป็นแบบนี้ 0-220 Km. 
ช่วงคอขวดก่อนถึงปลายท่อเป็นแบบนี้ 
ที่เห็นชัดๆทราบเพียงเท่านี้ครับ

KR-150 SP TURBOMAG [B1] (1991) 


รายละเอียดที่ปรับเปลี่ยน
ล้อเปลี่ยนจากซี่ลวดเป็น ล้อแม็คสีขาว แต่ถ้ารุ่นสีดำจะเป็นล้อสีแดง ติดคำว่า TURBOMAG ตรงล้อ
ดิสก์หน้าหลังเปลี่ยนเป็น ลายกงจักร มีคำว่า TURBOMAG ติดอยู่ตรงไฟเลี้ยวหน้า กระจกมองข้างเปลี่ยนใหม่ย้ายมาติดตรงหน้ากากรถ
จานดิสก์หน้ากว้าง 260 มม. รูยึดน็อตลดลงเหลือ 5 รู
กระทะล้อหน้ากว้าง 1.6x17 นิ้ว กระทะล้อหลังกว้าง 1.85x18 นิ้ว เท่าเดิม
เพิ่มแรงม้า จาก 33 เป็น 34 แรงม้า
ดิสก์หลังเพิ่มเป็นลูกสูบคู่ ช่วงแรก

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

เข้าค่ายลูกเสือ

เข้าค่ายลูกเสือ
ความรู้สึก สนุกดีครับ ท้าทาย ได้ความสามัคคี
ความประทัับใจ สนุกมากครับ
นอนน้อยไปนิดนึงง555